วิธีเลือกเต็นท์สนาม
เพราะเต็นท์นั้นถือได้ว่าเป็นพื้นที่ส่วนตัวที่เราใช้งานเกินกว่า 50% ของการตั้งแคมป์หรือทริปต่าง ๆ ดังนั้นการเลือกเต๊นท์ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของเราจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะไม่ใช่คุณสมบัติการใช้งานที่ถูกใจเท่านั้นแต่ยังเป็นความอุ่นใจในระหว่างที่เราพักผ่อนด้วย
เลือกจากผนังชั้นเดียวหรือสองชั้น
สิ่งแรกที่ต้องรู้คือผนังของเต๊นท์ เพราะเป็นลักษณะที่มีความต่างกันอย่างชัดเจนและส่งผลต่อความชื้น การควบแน่นของอากาศภายในเต๊นท์รวมถึงการถ่ายเทของอากาศด้วย โดยแบ่งออกเป็น 2 ชนิดดังนี้
“ผนัง 2 ชั้น” เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เริ่มต้น ช่วยลดผลกระทบจากสภาพอากาศได้ดี
เต๊นท์ประเภทที่มีผนัง 2 ชั้น (Double Wall) โดยมาตรฐานส่วนใหญ่จะนิยมใช้ฟลายชีทช่วยกันน้ำชั้นนอกสุดและชั้นในเป็นมุ้งช่วยในการระบายอากาศ ซึ่งประโยชน์หลักของเต๊นท์ 2 ชั้น ก็คือ ช่องว่างระหว่างผนังที่ช่วยให้เกิดการไหลเวียนของอากาศ ลดการควบแน่นรวมไปถึงช่วยให้ภายในเต๊นท์แห้งและระบายอากาศได้ดี เหมาะกับการกางใช้งานในฤดูฝนและในพื้นที่ ๆ มีอากาศร้อนชื้น
นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในเรื่องการเก็บอุปกรณ์สัมภาระต่าง ๆ อย่างเช่น สามารถวางรองเท้าไว้ในช่องว่างหรือพื้นที่ด้านหน้าเพื่อกันเปียกและเพิ่มพื้นที่ภายในเต๊นท์ไปด้วยในตัว แต่เต๊นท์แบบนี้ก็มาพร้อมกับข้อเสียที่ทำให้เราต้องแบกน้ำหนักเพิ่มขึ้นและมีขั้นตอนการกางที่ซับซ้อนขึ้น ทั้งนี้หากพูดถึงความสารพัดประโยชน์โดยรวมแล้ว ข้อเสียเหล่านี้ก็ไม่ถือเป็นอุปสรรคที่สร้างความลำบากต่อนักเดินทางแต่อย่างใด
“ผนังชั้นเดียว” ติดตั้งง่าย น้ำหนักเบาพกพาได้สะดวก
ในส่วนของเต็นท์ซึ่งมีผนังเพียงชั้นเดียว (Single Wall) นิยมทำจากเนื้อผ้ากันน้ำ ซึ่งข้อดีอย่างแรกเลยก็คือ มีน้ำหนักเบาอยู่ระหว่าง 1 – 1.5 กิโลกรัม พกพาและพับเก็บได้ง่ายไม่เปลืองพื้นที่กระเป๋า แถมยังกางได้ง่ายและเซ็ตตัวกลับได้อย่างรวดเร็วในกรณีที่เกิดลมพัดแรงหรือฝนตกหนัก เหมาะสำหรับการใช้งานในฤดูหนาวหรือในช่วงที่มีอากาศแห้ง และโดยเฉพาะการปีนเขาที่จำเป็นต้องลดน้ำหนักสัมภาระให้ได้มากที่สุด
อย่างไรก็ตามก็ต้องแลกกับการถ่ายเทอากาศที่ไม่ดีเท่าไหร่นักและไม่มีพื้นที่สำหรับเก็บสำภาระ เรียกได้ว่าเป็นประเภทสำหรับผู้ที่รักการเดินทางและเชี่ยวชาญในการตั้งแคมป์โดยเฉพาะ เพราะมีความกะทัดรัด กางได้เร็ว เก็บได้ง่าย เคลื่อนย้ายได้สะดวกนั่นเอง
เลือกจากการใช้หรือไม่ใช้สมอบก
การติดตั้งเต๊นท์สนามที่เราพบเห็นได้ในปัจจุบัน มีอยู่ 2 แบบ คือ แบบที่สามารถกางและตั้งได้เองโดยไม่ต้องตรึงด้วยสมอบกอย่างเต๊นท์ป๊อบอัพ (Pop-up Tent) ที่สามารถดีดตัวเป็นทรงได้เอง หรือเป็นระบบไฮดรอลิกช่วยกางโดยไม่ต้องต่อเสา ซึ่งแน่นอนว่าเป็นรูปแบบใหม่ที่ตอบโจทย์ความสะดวกในการเคลื่อนย้าย เหมาะกับมือใหม่และง่ายต่อการตั้งแคมป์บนลานหินที่ไม่สะดวกต่อการตรึงสมอบกอย่างมาก แต่ในบางรุ่นก็มักจะมีเชือกสำหรับยึดเต๊นท์กับเสาหรือต้นไม้เพื่อเพิ่มความมั่นคงมาให้ด้วย
อย่างไรก็ดี ยังมีเต๊นท์อีกรูปแบบที่ได้รับความนิยมไม่น้อยเช่นกัน คือ เต๊นท์แบบใช้สมอบก ด้วยเหตุผลหลัก คือ การสร้างความมั่นคงแข็งแรงในการกางเต๊นท์ ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานบนพื้นที่ลาดชันหรือในช่วงที่อากาศแปรปรวน มีลมพัดแรง เป็นการป้องกันแรงลมฝนและลดความเสี่ยงเต๊นท์ปลิวได้